pageB1
ทุเรียนหมอนทองได้รับการยกย่องว่าเป็น "ราชาแห่งทุเรียน" ในประเทศไทย และเป็นพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยรสชาติที่กลมกล่อม เนื้อสัมผัสที่น่าพึงพอใจ และกลิ่นที่ไม่แรงจนเกินไป ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วไปค่ะ
มาเจาะลึกรายละเอียดของทุเรียนหมอนทองกันค่ะ:
ลักษณะภายนอก:
- รูปทรง: ผลมีลักษณะค่อนข้างใหญ่ ทรงรีคล้ายหมอน (เป็นที่มาของชื่อ) ปลายผลแหลม
- หนาม: หนามค่อนข้างใหญ่ ฐานหนามโป่งออก ปลายแหลม งุ้มเข้าเล็กน้อย หนามค่อนข้างห่าง
- พู: โดยทั่วไปจะมี 5 พู ที่เห็นเด่นชัด
- น้ำหนัก: น้ำหนักต่อผลโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 2-4 กิโลกรัม หรือมากกว่านั้นในผลที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ
ลักษณะเนื้อและรสชาติ:
- สีเนื้อ: เหลืองนวลสวยงาม
- เนื้อสัมผัส: เนื้อหนา แน่น ละเอียด เนื้อแห้ง ไม่อมน้ำ ทำให้ทานแล้วไม่เลอะมือ
- รสชาติ: หวานมันกลมกล่อม มีความหวานนำ ตามด้วยความมันอย่างลงตัว ไม่หวานหรือมันจนเกินไป
- กลิ่น: กลิ่นไม่แรงมาก เมื่อเทียบกับทุเรียนบางสายพันธุ์ ทำให้เป็นที่ยอมรับของผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นทานทุเรียน หรือผู้ที่ไม่ชอบกลิ่นแรง
จุดเด่น:
- รสชาติหวานมันลงตัว: เป็นรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และเป็นที่ชื่นชอบของคนส่วนใหญ่
- เนื้อแห้ง: เนื้อไม่แฉะ ทำให้ทานง่ายและไม่เลอะเทอะ
- เม็ดลีบ: โดยทั่วไปจะมีเม็ดขนาดเล็กและแบน (ลีบ) ทำให้มีเนื้อให้รับประทานเยอะ
- กลิ่นไม่แรงมาก: ทำให้เข้าถึงง่ายสำหรับผู้ที่ยังไม่คุ้นเคยกับกลิ่นทุเรียน
- ผลผลิตสูง: เป็นพันธุ์ที่ให้ผลผลิตค่อนข้างสม่ำเสมอและมีปริมาณมาก ทำให้มีจำหน่ายทั่วไป
ฤดูกาล:
- ฤดูกาลหลักของทุเรียนหมอนทองในประเทศไทยจะอยู่ในช่วงประมาณเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม ขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่
แหล่งปลูกที่สำคัญ:
- มีการปลูกทุเรียนหมอนทองทั่วประเทศไทย แต่แหล่งปลูกที่มีชื่อเสียงและให้ผลผลิตคุณภาพดี ได้แก่ จังหวัดในภาคตะวันออก เช่น จันทบุรี ระยอง ตราด และบางพื้นที่ในภาคใต้
การเลือกซื้อทุเรียนหมอนทอง:
- ดูร่องพู: ร่องพูควรชัดเจนและนูน
- เคาะฟังเสียง: เคาะเบาๆ แล้วฟังเสียงทึบตัน ไม่โปร่ง
- ดมกลิ่น: ควรมีกลิ่นหอมหวานอ่อนๆ ไม่ฉุนหรือเหม็นเขียว
- ขั้วผล: ขั้วผลควรมีสีเขียวสด ไม่เหี่ยวแห้ง และไม่หลุดง่าย